จำหน่ายเอกสารแนวข้อสอบ อบต. อบจ. เทศบาล ที่ใช้สอบทั่วประเทศ รวมทุกอย่างที่ออกข้อสอบ รวมแนวข้อสอบเก่าเด็ดๆๆ และข้อสอบที่ออกบ่อยมาก หลายตำแหน่งเช่น เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 2 เจ้าพนักงานพัสดุ 2 เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน 2 นายช่างโยธา 2 นายช่างไฟฟ้า 2 เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ 2 เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน 2 เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาฯ 2 นักวิชาการเงินและบัญชี 3 นักวิชาการศึกษา 3 นิติกร 3 นักพัฒนาชุมชน 3 วิศวกรโยธา 3 เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 3 บุคลากร 3 เจ้าหน้าที่สันทนาการ 3 เจ้าหน้าที่บริหารทะเบียนและบัตร 3 นักวิชาการคลัง 3 นักวิชาการพัสดุ 3 เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 3 นักวิชาการจัดเก็บรายได้ 3 แนวข้อสอบภาค ก.ความรู้ความสามารถทั่วไป ภาษาไทย คณิตศาสตร์ และภาค ข. ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง
สนใจสั่งซื้อมาที่ 080-604-2510 ,080-604-2504 หรือ ส่ง SMS / (WhatsApp , LINE) ส่งเป็นไฟล์เอกสารส่งทางอีเมล์ สามารถนำไปปริ้นเพื่ออ่านได้เลย ในราคาเพียงชุดละ 399 บาท ส่งเป็นไฟล์เอกสารทางอีเมล์ *อย่างด่วนภายใน 3 ชม. *อย่างช้าก่อน 24:00 น. ของวันที่โอนเงิน (อย่าลืม! เช็คที่ อีเมลขยะ) (เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00 - 24.00 น.) กรุณาชำระค่าสินค้าและบริการ เลขที่บัญชี 041-2-34899-2 ธ.กสิกรไทย ออมทรัพย์ สาขาถนนสาธุประดิษฐ์ ชื่อบัญชี สายรุ้ง สิงห์ศรี โอนเงินแล้วแจ้งที่ lookmoo_00@hotmail.com
บทกำหนดโทษ มาตรา 46 ละเลยไม่แสดงข้อความตามมาตรา 20 เว้นแต่เป็นเหตุสุดวิสัย มีความผิด มาตรา 47 จงใจไม่ปฏิบัติตามหมายเรียกไม่แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม ไม่นำพยานหลักฐานมา แสดง ไม่ตอบคำถามตาม มาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 48 ผู้ใด . โดยรู้อยู่แล้ว หรือจงใจ ยื่นข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จหรือตอบคำถามอันเป็นเท็จ นำพยานหลักฐานเท็จมาแสดง หรือจัดหาทางให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีของตน ข.โดยความเท็จ โดยเจตนาละเลย โดยฉ้อโกง โดยอุบาย โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะหลีกเลี่ยงการคำนวณค่ารายปีของตน การคิดเงินเพิ่ม มาตรา 43 เงินค่าภาษีค้างชำระ ให้เพิ่มจำนวน 4. ไม่เกิน 1 เดือน ให้เพิ่ม 2.5 % ของค่าภาษี 5. เกิน 1 เดือน แต่ไม่เกิน 2 เดือน เพิ่ม 5 % 6. เกิน 2 เดือน แต่ไม่เกิน 3 เดือน เพิ่ม 7.5 % 7. เกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 4 เดือน เพิ่ม 10 % ให้ประเมินค่ารายปีโดยคำนึงถึงลักษณะของทรัพย์สิน ขนาด พื้นที่ ทำเลที่ตั้งและบริการสาธารณะ ตามหลักเกณฑ์ที่ รมว.มท.ประกาศ ประกาศ มท. ให้ประเมินโดยเทียบเคียงกับค่ารายปีของทรัพย์สินที่ให้เช่า ที่มีลักษณะของทรัพย์สิน ขนาด พื้นที่ทำเลที่ตั้ง และบริการสาธารณะที่ทรัพย์สินนั้น ได้รับประโยชน์คล้ายคลึงกันในเขตฯ
ค่าภาษีค้างชำระ ค่าภาษีค้างชำระขณะโอนกรรมสิทธิ์ไปด้วยเหตุใดๆ เจ้าของคนเก่าและเจ้าของคนใหม่ เป็นลูกหนี้ค่าภาษีรวมกัน
กรณีเจ้าของทรัพย์สินไม่ยื่นแบบฯ 1. กรณีไม่ยื่นแบบ 2. ยื่นไม่ถูกต้อง 3. พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งการประเมินย้อนหลัง - ไม่ยื่นแบบฯ ไม่เกิน 10 ปี - ยื่นไม่ถูกต้อง ไม่เกิน 5 ปี การนำคดีไปสู่ศาล เมื่อผู้รับประเมินไม่พอใจคำชี้ขาดของผู้บริหารท้องถิ่น ฟ้องต่อศาลได้ภายใน 30 วัน และต้องชำระภาษีก่อนฟ้องทุกกรณี ฎีกาที่ 860/2520 อำนาจชี้ขดคำร้องขอให้พิจารณาประเมินใหม่ซึ่งเดิม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 25 ให้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งตกมาเป็นอำนาจและความรับผิดชอบของคณะเทศมนตรี อธิบดีกรมสรรพากรจึงไม่มีอำนาจชี้ขาดฯ การยื่นคำร้องให้พิจารณาการประเมินใหม่ (การอุทธรณ์) 1. ผู้รับประเมินไม่พอใจการประเมิน 2. คำร้องเขียนตามแบบพิมพ์ที่กำหนดภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งต่อผู้บริหารท้องถิ่น 3. ยื่นภายหลังเวลาที่กำหนดให้มีหนังสือแจ้งผู้รับประเมินว่า “หมดสิทธิที่จะใหห้พิจารณาการประเมินใหม่ และจำนวนเงินที่ประเมินไว้เป็นจำนวนเด็ดขาด” 4. คำชี้แจงให้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร ข้อวิฉัยคณะกรรมการกฤษฎีกา 1. อำนาจกำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตร เพื่อเป็นแนวทางประกอบการประเมินค่ารายปีได้ 2. ท้องถิ่นมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อช่วยกลั่นกรองเป็นการเบื้องต้น (ประเมิน/อุทธรณ์) ได้ 3. การประเมินค่ารายปีตามมาตรา 8 วรรค 3 ต้องอยู่ในขอบเขตประกาศ มท. 4. มูลค่าทรัพย์สิน อาจถือเป็นหลักประกอบการประเมินค่ารายปีได้อย่างหนึ่ง 5. กรณีตามมาตรา 13 ต้องประเมินค่ารายปีของส่วนควบด้วย แล้วจึงลดเหลือ 1 ใน 3 สรุปประเด็น ตามหนังสือ ที่ มท 0307/ว.2393 1. การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการประเมินและคณะกรรมการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ 2. กำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตร (ต่อเดือน) - ประเภททรัพย์สิน - ทำเลการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 3. โรงเรียนที่ไม่มีค่าเช่าจริง : ประเมินตาม 1. - มีเงินกินเปล่า (แป๊เจี๊ย) - เจ้าของดำเนินกิจการเอง 4. โรงเรือนที่แบ่งให้เช่าบางส่วน - คำนวณค่ารายปีของส่วนที่แบ่งให้เช่า โดยคำนวณจาก ค่าเช่าจริง หรือจาก 1. 5. โรงเรือนที่ใช้ประกอบกิจการบางประเภท โรงแรม : แยกพิจารณา 1. เฉพาะส่วนที่เป็นห้องพัก จำนวนห้อง x ค่าเช่าห้อง/วัน x 365 x 8 2. อาคารอื่น – ค่าเช่าจริง ประเมินตามข้อ 1. 3. โรงเรือนและที่ดินต่อเนื่อง ประเมินตามข้อ 1. 4. ที่ดินบริเวณโรงแรม ประเมินไม่ต่ำกว่า 6. การประเมิน 1. ทรัพย์สินให้เช่า ค่าเช่าสมควรถือค่าเช่าคือค่ารายปี 2. ทรัพย์สินให้เช่า ค่าเช่าไม่สมควร หรือหาค่าเช่าไม่ได้ ประเมินโดย - เทียบเคียงค่ารายปีที่ล่วงมาแล้ว - เทียบเคียงค่ารายปีของทรัพย์สินที่ให้เช่า 3. กรณีเทียบเคียงตาม 2. ไม่ได้ อาจใช้มูลค่าทรัพย์สินมาประกอบการประเมิน 4. คำนึงภาระภาษีของประชาชน หนังสือด่วนที่สุด ที่ มท 0307/ว2393 ลว. 10 ก.ย. 2536 1. การกำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลาง 2. การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการประเมินค่ารายปี และการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาการประเมินใหม่ 3. การประเมินค่ารายปีส่วนควบ 4. การประเมินค่ารายปีของทรัพย์สิน กำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางเฉลี่ยต่อตารางเมตร (ต่อเดือน) 1. แบ่งพื้นที่เป็นทำเลการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ 2. แบ่งทรัพย์สินออกเป็นประเภทต่างๆ 3. เฉลี่ยทรัพย์สินแต่ละประเภทแต่ละทำเลเป็นตารางเมตรต่อเดือน ตึกแถว 1 ชั้น ขนาด 4 x 12 เมตร ค่าเช่า 3000 บาท ค่าเช่าต่อตารางเมตร = 3000/48 = 62.5 บาท ค่ารายปีเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบ 1. เจ้าของโรงเรือนติดตั้งเครื่องจักร 2. เครื่องจักรในลักษณะยึดติดตรึง 3. เนื่องจากเครื่องจักรเทียบเคียงทรัพย์สินอื่นเพื่อหาค่าเช่ายากจึงถือมูลค่าเครื่องจักรเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการหาค่ารายปี วิธีหาค่ารายปี สมมุติ ตีราคามูลค่าเครื่องจักรเป็นเงิน 300 ล้านบาท แล้วนำไปฝากสถาบันการเงินที่ให้ประโยชน์สูงสุด ได้รับดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ค่ารายปี = 300,000,000 X 5 = 15,000,000 100 ลดค่ารายปีลงเหลือ 1 ใน 3 = 15,000,000 = 5,000,000 3 ค่าภาษีร้อยละ 12.5 = 5,000,000 X 12.5 = 625,000
การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาประเมินค่ารายปี 1. ปลัดเทศบาล เป็นประธาน 2. หัวหน้าส่วนราชการเทศบาลไม่เกิน 3 คน เป็นกรรมการ 3. หัวหน้าส่วนราชการในเขตพื้นที่ไม่เกิน 2 คน เป็นกรรมการ 4. ราษฎรผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 คน เป็นกรรมการ 5. ผู้อำนวยการกองคลัง เป็นกรรมการและเลขานุการ 6. หัวหน้าฝ่ายพัฒนารายได้หรือหัวหน้าผลประโยชน์ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ 1. พิจารณาและกำหนดราคาค่าเช่ามาตรฐานกลางต่อตารางเมตร (ต่อเดือน) เพื่อ พนง. ใช้เป็นแนวทางประกอบการประเมินค่ารายปี 2. พิจารณากลั่นกรอง ตรวจสอบ และเสนอข้อคิดเห็น ต่อ พนง. ที่ได้รับการแต่งตั้งตามกฏหมาย 3. พิจารณาให้ความเห็นอื่นๆ ตามที่นายกเทศมนตรีมอบหมายอันเกี่ยวกับการประเมินค่ารายปี
สรุปสาระสำคัญ หนังสือด่วนมาก ที่ มท 0313/ว.560 ลงวันที่ 23 เมษายน 2522 เรื่อง การคำนวณค่ารายปีและการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน 1. โรงเรือนที่มีค่าเช่าจริง หรือค่าเช่าสมควรหรือไม่ - ลักษณะโรงเรือน - ขนาด และพื้นที่อาคาร - ทำเลที่ตั้ง หรือสภาพแวดล้อม - การให้บริการต่างๆ 1.1 หากเห็นว่าค่าเช่าสมควร - ให้ประเมินได้ 1.2 หากเห็นว่าต่ำกว่าที่ควร - แก้ไขใหม่ โดยเปรียบเทียบกับโรงเรือนใกล้เคียง (6) โรงแรมที่ให้ผู้อื่นดำเนินการ/เช่าช่วง ให้พิจารณาค่าเช่าสูงสุดสมควรหรือไม่โดยเปรียบเทียบกับ 4. ยอดใดสูงกว่าให้นำยอดนั้นมาประเมิน บ้านเช่าที่เรียกเก็บค่าเช่าเป็นรายวัน (บังกะโล) - ประเมินเช่นเดียวกับโรงแรม สถานที่จำหน่ายน้ำมัน (1) เฉพาะสถานีจำหน่ายน้ำมันไม่มีกิจการอื่น - มีการเช่า > ถือค่าเช่าเป็นเกณฑ์ - หากค่าเช่าไม่สมควรประเมินตาม 1. (2) มีกิจการอื่นรวมอยู่ : เช่น ร้านค้า อัดฉีด - สถานีบริการน้ำมัน ตาม 1. - กิจการอื่น ประเมินแยก ตาม 1. - ที่ดินต่อเนื่อง
ลำดับขั้นตอนการปฏิบัติงานการจัดการเก็บภาษีป้าย การจัดเก็บภาษีป้าย เป็นงานในหน้าที่ของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 และพระราชบัญญัติภาษีป้าย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2534 ขั้นตอนการปฏิบัติที่จะเสนอต่อไปนี้ เป็นการเรียบเรียงจากแนวปฏิบัติตามที่กำหนด และตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยสั่งการ รวมทั้งข้อเสนอแนะตามความเห็นและประสบการณ์ของผู้เรียบเรียงที่ได้เคยปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่และฐานะผู้บริหารท้องถิ่น ข้อความใดเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่มีหนังสือสั่งการของกระทรวงมหาดไทยก็ได้ระบุไว้ในเชิงอรรถเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องชัดเจน ผู้ปฏิบัติงานจัดเก็บภาษีป้าย หรือผู้บริหารท้องถิ่น สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทางปฏิบัติตามที่กฎหมายโดยผู้เรียบเรียงได้ระบุระยะเวลากำกับแต่ละขั้นตอนเอาไว้เพื่อให้เกิดความสะดวกและถูกต้องในการปฏิบัติจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ระยะที่ 1 เป็นระยะเวลาที่เจ้าที่สมควรเตรียมการไว้ก่อนเริ่มฤดูกาลจัดเก็บภาษี ได้แก่ การเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับภาษี การประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับความรู้และข่าวสารเกี่ยวกับป้ายภาษี การเตรียมการเจ้าหน้าที่ และการเตรียมแบบพิมพ์ที่ต้องใช้ เวลาในระยะที่ 1 นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม รวมเวลา 3 เดือน ระยะที่ 2 เป็นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ประชาชนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของป้าย หรือ ผู้ครอบครองป้าย หรือผู้อยู่ในบังคับที่ต้องรับผิดชอบในการเสียภาษีจะต้องไปยื่นแบบพิมพ์ตามกำหนด จะมีความผิดและรับโทษตามกฎหมาย สำหรับเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นก็จะต้องอำนวยความสะดวก ทำการ ประชาสัมพันธ์ และตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์แบบของแบบพิมพ์ที่ประชาชนมายื่น รวมทั้งการประเมินค่าภาษีแจ้งให้ผู้เสียภาษีป้ายทราบ ระยะที่ 3 การติดตามประเมินผลเพื่อการเร่งรัดการยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย และการเร่งรัดให้ผู้รับประเมินมาชำระค่าภาษีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งการออกตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับป้ายหรือเจ้าของป้ายและการพิจารณาคำร้องอุทธรณ์การประเมิน และการดำเนินคดีต่อผู้ที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายในเดือนมีนาคม ระยะที่ 3 นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 มิถุนายน รวมเวลา 3 เดือน ระยะที่ 4 เป็นเรื่องการดำเนินการบังคับจัดเก็บป้ายภาษีตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ การติดตามผลการดำเนินคดีจากพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง การดำเนินงานเกี่ยวกับการยึดอายัดทรัพย์ของผู้ค้างชำระภาษีป้าย และการกำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน รวมเวลา 3 เดือน 1. ระยะเตรียมการก่อนการจัดเก็บภาษีป้าย (ต้นเดือนตุลาคม ถึงสิ้นเดือนธันวาคม) การจัดเก็บภาษีป้ายประจำปีจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ของทุกปี แต่สำหรับงานนี้จะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าหลายอย่างทั้งที่ต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดและการเตรียมการเพื่อที่ทำให้การจัดเก็บภาษีป้ายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและจัดเก็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเตรียมการก่อนการจัดเก็บป้ายควรจะเริ่มต้นอย่างช้าไม่เกินวันที่ 1 ตุลาคม ของปี ต่อเนื่อง ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม ก่อนที่จะเริ่มการจัดเก็บภาษีตามที่กฎหมายกำหนด เรื่องที่ควรจะเตรียมการล่วงหน้าในขั้นตอนนี้อาจจะมีอยู่มากมายหลายเรื่องขึ้นอยู่กับแนวคิดของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหรือตามที่ผู้บังคับบัญชาเห็นสมควร แต่อย่างน้อยควรจะประกอบด้วยเรื่อง ต่อไปนี้ แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมปฏิบัติงานจัดเก็บภาษีป้าย การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นอำนาจของผู้บริหารของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 เพื่อที่เจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นมีอำนาจและมีหน้าที่ในการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด ผู้บริหารท้องถิ่น ตามที่ได้กำหนดไว้ในมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีป้าย พ.ศ. 2510 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีป้าย (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2534 ได้แก่ 1. นายกเทศมนตรี มีสำหรับในเขตเทศบาล 2. ประธานกรรมการสุขาภิบาล สำหรับในเขตสุขาภิบาล 3. ผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด 4. ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร 5. ปลัดเมืองพัทยา สำหรับในเขตเมืองพัทยา 6. หัวหน้าผู้บริหารขององค์กรปกครองท้องถิ่น ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น สำหรับในเขตข้าราชการส่วนท้องถิ่นนั้น ขณะนี้ได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2538 ให้องค์การบริหารส่วนตำบลเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่นที่มีอำนาจจัดเก็บภาษีป้ายแล้ว กฎหมายไม่ได้บังคับไว้ว่าจะต้องแต่งตั้งผู้ใด แต่กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่โดยไม่จำกัดจำนวน ดังนั้น การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นหน้าที่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานคลังที่ทำหน้าที่จัดเก็บรายได้จึงควรแต่งตั้งดังนี้ 1. ออกคำสั่งของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น โดยผู้บริหารท้องถิ่นนั้นเป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง 2. บุคคลที่สมควรแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าที่ควรเป็นข้าราชการหรือพนักงานประจำตั้งแต่ระดับสูงสุดของหน่วยงานลงมา เช่น ปลัดกรุงเทพมหานคร ปลัดเทศบาล ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปลัดสุขาภิบาล หัวหน้าสำนัก ปลัดเมืองพัทยา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล รองปลัดฯ ผู้อำนวยการสำนักงานคลัง ผู้อำนวยการกองรายได้ ผู้อำนวยการ กองคลัง หัวหน้ากอง หัวหน้าฝ่าย และหัวหน้างานที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับรายได้ในหน่วยงานนั้น กรณีกรุงเทพมหานคร ควรแต่งผู้อำนวยการเขต และผู้ที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้ในสำนักงานเขตตามลำดับลงมาจนถึงระดับหัวหน้างาน ถ้ามีสำนักงานสาขาและเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าฝ่ายหัวหน้างานที่ทำหน้าที่จัดเก็บรายได้ในสาขานั้นด้วย
บันทึกการเข้า
กรณีองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่ยังมรการจัดเก็บภาษีในท้องที่สภาตำบลควรแต่งตั้งหัวหน้าส่วนอำเภอ ผู้ช่วยหัวหน้าส่วนอำเภอ หัวหน้าหมวดอำเภอ หัวหน้าหมวดงานคลังในส่วนอำเภอนั้นด้วย
3. อำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายว่าด้วยป้ายภาษีกำหนดไว้และเรียงลำดับผู้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินดูตัวอย่างคำสั่งดังต่อไป
ส่วนที่ 1 ลำดับขั้นตอนการปฏิบัติงานการจัดการเก็บภาษีป้าย
การจัดเก็บภาษีป้าย เป็นงานในหน้าที่ของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 และพระราชบัญญัติภาษีป้าย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2534 ขั้นตอนการปฏิบัติที่จะเสนอต่อไปนี้ เป็นการเรียบเรียงจากแนวปฏิบัติตามที่กำหนด และตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยสั่งการ รวมทั้งข้อเสนอแนะตามความเห็นและประสบการณ์ของผู้เรียบเรียงที่ได้เคยปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่และฐานะผู้บริหารท้องถิ่น ข้อความใดเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่มีหนังสือสั่งการของกระทรวงมหาดไทยก็ได้ระบุไว้ในเชิงอรรถเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องชัดเจน ผู้ปฏิบัติงานจัดเก็บภาษีป้าย หรือผู้บริหารท้องถิ่น สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทางปฏิบัติตามที่กฎหมายโดยผู้เรียบเรียงได้ระบุระยะเวลากำกับแต่ละขั้นตอนเอาไว้เพื่อให้เกิดความสะดวกและถูกต้องในการปฏิบัติจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ระยะที่ 1 เป็นระยะเวลาที่เจ้าที่สมควรเตรียมการไว้ก่อนเริ่มฤดูกาลจัดเก็บภาษี ได้แก่ การเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับภาษี การประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนได้รับความรู้และข่าวสารเกี่ยวกับป้ายภาษี การเตรียมการเจ้าหน้าที่ และการเตรียมแบบพิมพ์ที่ต้องใช้ เวลาในระยะที่ 1 นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม รวมเวลา 3 เดือน ระยะที่ 2 เป็นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ประชาชนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของป้าย หรือ ผู้ครอบครองป้าย หรือผู้อยู่ในบังคับที่ต้องรับผิดชอบในการเสียภาษีจะต้องไปยื่นแบบพิมพ์ตามกำหนด จะมีความผิดและรับโทษตามกฎหมาย สำหรับเจ้าหน้าที่ของท้องถิ่นก็จะต้องอำนวยความสะดวก ทำการ ประชาสัมพันธ์ และตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์แบบของแบบพิมพ์ที่ประชาชนมายื่น รวมทั้งการประเมินค่าภาษีแจ้งให้ผู้เสียภาษีป้ายทราบ ระยะที่ 3 การติดตามประเมินผลเพื่อการเร่งรัดการยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย และการเร่งรัดให้ผู้รับประเมินมาชำระค่าภาษีภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งการออกตรวจสอบ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับป้ายหรือเจ้าของป้ายและการพิจารณาคำร้องอุทธรณ์การประเมิน และการดำเนินคดีต่อผู้ที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายภายในเดือนมีนาคม ระยะที่ 3 นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 มิถุนายน รวมเวลา 3 เดือน ระยะที่ 4 เป็นเรื่องการดำเนินการบังคับจัดเก็บป้ายภาษีตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ การติดตามผลการดำเนินคดีจากพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง การดำเนินงานเกี่ยวกับการยึดอายัดทรัพย์ของผู้ค้างชำระภาษีป้าย และการกำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้อง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน รวมเวลา 3 เดือน
|